ตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผ่านมาการค้าขายออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้คนหันมาช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น หน้าร้านออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตของธุรกิจ การทำการตลาดออนไลน์เช่น SEM (Search Engine Marketing) เป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาออนไลน์ เช่น Google และ Yahoo การทำ SEM ที่ดีจะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับด้านบนของตัวช่องทางค้นหา และเพิ่มโอกาสในการคลิกเข้าดูเว็บไซต์มากขึ้น
สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้จากบทความนี้
- วิธีทำ SEO ใน Search Engine ชื่อ Google
- การทำ SEM แบบ Pay per Click (PPC) และ SEO (Organic Search)
- การเปรียบเทียบ SEO กับ SEM
การทำ SEO ใน Search Engine ชื่อ Google
SEO (Search Engine Optimization) เป็นเทคนิคการใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์เพื่อดึงดูดผู้คนบนหน้าค้นหา เพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับด้านบนของผลการค้นหา ซึ่งประกอบด้วย 4 แกนหลัก คือ Technical SEO, On-Page SEO, Off-Page SEO, และ Content.
การทำ SEO ในเว็บ Search Engine ชื่อ Google เน้นการประเมินคุณภาพเว็บไซต์และการมี Keyword ที่ถูกค้นหา โดย Google ใช้อัลกอริทึมต่างๆ เพื่อวิเคราะห์และประเมินเว็บไซต์ว่ามีคุณภาพเท่าใด วิธีทำ SEO ใน Google คือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามเกณฑ์ของ Google และสร้างเนื้อหาที่เสริมความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
Technical SEO
Technical SEO เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีโครงสร้างที่เป็นมาตรฐาน สอดคล้องกับเครื่องมือค้นหา Google อย่างเช่นการปรับแต่งโค้ด HTML, เพิ่มพื้นที่พักข้อมูลให้เว็บไซต์ได้รับการโหลดเร็ว และกำหนด URL ให้ง่ายต่อการเข้าถึง
On-Page SEO
On-Page SEO เน้นการปรับแต่งเนื้อหาภายในเว็บไซต์ เช่น การเพิ่ม Keyword ที่ถูกค้นหาในหัวเรื่อง คำอธิบายเว็บไซต์ และเนื้อหา การใช้คำสำคัญในเนื้อหา รวมถึงการใช้ภาพและวิดีโอที่เกี่ยวข้อง
Off-Page SEO
Off-Page SEO เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์จากแหล่งอื่น ๆ โดยเรียกว่า Backlinks ซึ่งเป็นการอ้างอิงเว็บไซต์ด้วยลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ การได้รับ Backlinks จากเว็บไซต์คุณภาพสูงในอุตสาหกรรมของคุณจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
Content
Content เป็นสิ่งสำคัญในการทำ SEO เนื่องจากพวกเครื่องมือค้นหาอย่าง Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีคุณภาพ Content ที่มีคุณภาพสามารถดึงดูดผู้คนและเพิ่มโอกาสในการติดอันดับในผลการค้นหา
การทำ SEM แบบ Pay per Click (PPC) และ SEO (Organic Search)
ในการทำการตลาดออนไลน์ การโฆษณาออนไลน์เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจของคุณ การทำ SEM (Search Engine Marketing) เป็นเทคนิคที่ใช้ในการโฆษณาออนไลน์ผ่านการซื้อพื้นที่บนเว็บไซต์ของ Search Engine โดยการประมูล keyword เพื่อแสดงโฆษณาให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
กลยุทธ์ SEM แบบ Pay per Click (PPC) เป็นการซื้อพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ Search Engine โดยจ่ายเงินไปตามจำนวนครั้งที่ผู้ใช้คลิกโฆษณานั้น โดยทำการประมูลคำสำคัญเพื่อให้โฆษณาของคุณปรากฏขึ้น
ในขณะเดียวกัน SEO (Organic Search) เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาในเว็บเพื่อให้ได้คะแนนคุณภาพที่ดีจาก Search Engine ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในตำแหน่งที่โดดเด่นในผลการค้นหา
การทำการตลาดออนไลน์ด้วย SEM แบบ Pay per Click (PPC) และ SEO (Organic Search) จะเป็นกลยุทธ์ที่ทำงานพร้อมกัน ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเพิ่มการเข้าถึงและยกระดับความน่าเชื่อถือ
ตัวอย่าง SEM แบบ Pay per Click (PPC) และ SEO (Organic Search) มีดังนี้:
SEM แบบ Pay per Click (PPC) | SEO (Organic Search) |
---|---|
การซื้อพื้นที่โฆษณาบนเว็บ Search Engine | การปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาในเว็บ |
การประมูลคำสำคัญเพื่อแสดงโฆษณา | การเพิ่มคะแนนคุณภาพเว็บไซต์จาก Search Engine |
จ่ายเงินตามจำนวนครั้งที่คลิกโฆษณา | ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีการคลิก |
การทำการตลาดออนไลน์ด้วย SEM แบบ Pay per Click (PPC) และ SEO (Organic Search) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการเข้าถึงและความน่าเชื่อถือที่ดีขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการคลิกและเพิ่มยอดขาย
การทำ SEO vs SEM
การทำการตลาดออนไลน์ผ่าน SEO (Search Engine Optimization) และ SEM (Search Engine Marketing) เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการเพิ่มโอกาสขายในตลาดออนไลน์ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
SEO เน้นกลยุทธ์การทำ Organic Search เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงๆ ในผลการค้นหา โดยการปรับปรุงเนื้อหาในเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และเข้าใจง่ายต่อผู้ใช้งาน การทำ SEO ยังมีการวิเคราะห์และวางกลยุทธ์การใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้อง และการปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์
อีกทั้ง การทำ SEM เน้นการทำ Paid Search และ Organic Search โดยการซื้อพื้นที่โฆษณาบนเว็บ Search Engine ที่คิดค่าโฆษณาตามจำนวนคลิก ในขณะที่การทำ Organic Search เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาให้ได้คะแนนคุณภาพที่ดี ทั้ง SEO และ SEM เป็นรูปแบบการตลาดคนละประเภท แต่การทำ SEM ที่ดำเนินกลยุทธ์แบบทั้ง Paid Search และ Organic Search มีประสิทธิภาพมากกว่าการทำแค่ SEO เพียงอย่างเดียว
ความแตกต่างระหว่าง SEO และ SEM
ตารางด้านล่างนี้จะแสดงความแตกต่างระหว่าง SEO และ SEM:
SEO | SEM |
---|---|
เน้นการทำ Organic Search | เน้นการทำ Paid Search และ Organic Search |
ไม่มีค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ | มีค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ |
สร้างความน่าเชื่อถือในตลาด | เพิ่มโอกาสขายผ่านการโฆษณา |
การทำ SEO และ SEM เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ แต่ต้องใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณและเป้าหมายผู้ใช้งาน เลือกใช้ SEO เมื่อคุณต้องการปรับปรุงเว็บไซต์และเนื้อหาให้มีคุณภาพ และเลือกใช้ SEM เมื่อคุณต้องการเพิ่มโอกาสขายผ่านการโฆษณา การแบ่งเวลาระหว่าง SEO และ SEM อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีในการทำการตลาดออนไลน์
สรุป
การตลาดออนไลน์ผ่าน SEO และ SEM เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการเพิ่มโอกาสขายในตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน การทำ SEO เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์และสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อได้รับการรู้จักจากตัวช่องทางค้นหา ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับด้านบนของผลการค้นหามากขึ้น โดยทำให้ผู้ใช้เจอเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสในการคลิกเข้าดูเว็บไซต์มากขึ้น
ส่วน SEM เป็นการทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาออนไลน์ เช่น Google และ Yahoo ซึ่งรวมทั้งการทำ Paid Search และ Organic Search เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการโฆษณาออนไลน์ เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจอย่างมากมาย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการของคุณอีกด้วย
การแบ่งเวลาระหว่าง SEO และ SEM จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และแผนกลยุทธ์ของธุรกิจของคุณ หากต้องการการเพิ่มโอกาสในการมีองค์กรที่มั่นคงในอนาคต การทำ SEO เป็นตัวเลือกที่คุณควรใส่ความสำคัญ ในขณะที่ SEM เป็นวิธีเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจทันสมัยและเติบโตอย่างรวดเร็ว