ในโลกของการโฆษณาดิจิทัล การบรรลุประสิทธิผลการโฆษณาบน Facebook นั้นเป็นดังกุญแจสำคัญในการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภค หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญจึงมุ่งความสนใจไปที่การเพิ่มอัตราคลิก หรือ CTR (Click-Through Rate) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดถึงความสามารถในการปรับให้เนื้อหาโฆษณาดึงดูดและกระตุ้นให้ผู้ใช้ Facebook ดำเนินการตามที่โฆษณาต้องการ
โดยการทำความเข้าใจ และการประยุกต์ใช้ CTR ให้ถูกต้อง บริษัทต่างๆสามารถเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้ใช้บน Facebook เป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวางแผนที่ทั้งครอบคลุมและหลากหลาย สามารถแฝงพลังในทุกการคลิกที่โฆษณาเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจ
ข้อมูลสำคัญที่ควรจำ
- CTR เป็นมาตรวัดประสิทธิผลของโฆษณาใน Facebook
- เปอร์เซ็นต์ CTR ที่สูงเป็นสัญญาณของโฆษณาที่มีประสิทธิผลดี
- การเพิ่ม CTR เป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของนักการตลาดดิจิทัล
- มีวิธีการหลายอย่างในการเพิ่มอัตราคลิกผ่านโฆษณาบน Facebook
- การวิเคราะห์และทดสอบคือกระบวนการให้ได้ CTR ที่เหมาะสมที่สุด
CTR Facebook คืออะไร
ท่ามกลางเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ก้าวหน้า ความหมายของ CTR Facebook กลายเป็นคำศัพท์ทางการตลาดที่หลายคนต้องให้ความสนใจ เมื่อพูดถึง CTR บน Facebook เรากำลังกล่าวถึงส่วนสำคัญที่สะท้อนถึงจำนวนครั้งที่โฆษณาถูกคลิกเมื่อเทียบกับจำนวนครั้งที่มันปรากฏบนหน้าจอผู้ใช้งาน Facebook นั่นคือสัดส่วนระหว่างการกระทำกับการรับรู้ที่แสดงออกในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัววัดที่สำคัญในการประเมินพฤติกรรมของผู้ชมโฆษณา และประสิทธิภาพของโฆษณาเอง
ทุกเปอร์เซ็นต์ของ CTR ที่เพิ่มขึ้น หมายถึงการเพิ่มโอกาสในการที่ผู้ใช้ Facebook จะคลิกไปยังสิ่งที่เราต้องการนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นหน้า Landing Page, โปรโมชันพิเศษ, หรือแม้กระทั่งโพสต์ที่มีเนื้อหาสาระแน่นอน ด้วยความที่ Facebook ครอบคลุมผู้ใช้งานจำนวนมาก การทำความเข้าใจและการเพิ่ม CTR จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจเพื่อความสำเร็จในการตลาดบนดิจิทัล
ความสำคัญของ CTR ในการโฆษณาบน Facebook
เมื่อพูดถึง CTR ในการโฆษณาบน Facebook เราไม่สามารถปฏิเสธ ความสำคัญของ CTR ได้เลย เพราะ CTR ไม่เพียงแค่บ่งบอกถึงอัตราการกระทำที่ผู้ใช้ทำกับโฆษณา แต่ยังชี้วัดประสิทธิผลโดยรวม ที่สะท้อนถึงการตอบสนองของกลุ่มเป้าหมายต่อแคมเปญโฆษณาทั้งหมด
นักการตลาดดิจิทัลจำเป็นต้องเข้าใจว่า CTR มีบทบาทอย่างไรในการแนะนำวิธีการปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์การโฆษณา เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และจูงใจให้ผู้ใช้คลิกไปยังเว็บไซต์หรือหน้า Landing Page ที่ต้องการ
CTR สูงไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวช่วยในการลดต้นทุนโฆษณาต่อการแปลง (Conversion) อีกด้วย เพราะ CTR ที่ดีคือการประหยัดงบประมาณในการโฆษณาให้ได้มากที่สุด
- CTR ช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงกับผู้ใช้งาน
- CTR สะท้อนคุณภาพโฆษณาและการเป็นที่จดจำ
- CTR สามารถบ่งบอกถึงความเกี่ยวข้องของเนื้อหากับกลุ่มเป้าหมาย
การทำความเข้าใจ CTR จะช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงแคมเปญโฆษณาให้มีประสิทธิผลมากขึ้น เนื่องจาก CTR เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีความเกี่ยวข้องตรงกับเป้าหมายของการโฆษณาทุกประการ
ความแตกต่าง | CTR ต่ำ | CTR สูง |
---|---|---|
การรับรู้โฆษณา | ไม่น่าสนใจ | ดึงดูดสนใจ |
การตอบสนองผู้ใช้ | ความสนใจต่ำ | แสดงความสนใจสูง |
ผลการแปลง (Conversion) | ผลต่ำ | ผลสูง |
ต้นทุนต่อการเข้าชม | สูง | ต่ำ |
ท้ายที่สุดแล้ว CTR นั้นมีความสำคัญต่อการตลาดดิจิทัลมาก โดยการที่นักการตลาดสามารถวิเคราะห์และใช้ CTR อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มกำไรและสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแม่นยำและคุ้มค่า
สูตรคำนวณ CTR ใน Facebook และวิธีการคำนวณ
การทำความเข้าใจในการคำนวณ CTR (Click-Through Rate) บน Facebook คือสิ่งจำเป็นสำหรับนักการตลาดที่ต้องการวัดประสิทธิภาพของโฆษณาดิจิทัล สูตรคำนวณ CTR เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยเพิ่มความเข้าใจและประเมินผลการโฆษณาแต่ละครั้งได้โดยคำนวณจากจำนวนคลิกที่ได้รับเทียบกับจำนวนการเห็นโฆษณา (Impressions) ที่พบใน Facebook Insights หรือบนเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ
ความหมายของการคำนวณ CTR
CTR หรือ อัตราคลิก บ่งบอกถึงสัดส่วนร้อยละของครั้งที่โฆษณาของคุณถูกคลิกเมื่อเทียบกับจำนวนทั้งหมดที่มีการแสดงโฆษณานั้นบนหน้าป้อนข่าว (News Feed) ของผู้ใช้ Facebook การวิเคราะห์ CTR จะช่วยให้คุณเห็นถึงความน่าสนใจและประสิทธิภาพของโฆษณาอย่างละเอียด ทำให้คุณสามารถทำการเพิ่มประสิทธิภาพได้
ตัวอย่างการคำนวณ CTR Facebook
เพื่อให้เข้าใจถึงการคำนวณ CTR ใน Facebook อย่างง่ายดาย ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้: ในกรณีที่โฆษณาของคุณมีการแสดงผลบนหน้าป้อนข่าวของผู้ใช้ (Impressions) ทั้งหมด 1,000 ครั้ง และได้รับการคลิก 200 ครั้ง นั่นหมายความว่าโฆษณาของคุณมี CTR อยู่ที่ 20% หรือ อัตราคลิก 20 ครั้งต่อการเห็น 100 ครั้ง
สูตรการคำนวณ CTR ใน Facebook โดยทั่วไปคือ:
(จำนวนคลิกที่ผู้ใช้ทำกับโฆษณา / จำนวนครั้งที่โฆษณาถูกแสดงบนหน้าผู้ใช้) * 100
การใช้สูตรนี้จะทำให้คุณได้รับ CTR เป็นเปอร์เซ็นต์ซึ่งอำนวยความสะดวกในการเปรียบเทียบและวิเคราะห์ประสิทธิผลของการโฆษณาหลายๆ ครั้ง
วิธีเพิ่ม CTR ใน Facebook
การเพิ่ม CTR หรืออัตราการคลิกผ่านของโฆษณาบน Facebook นั้น ทำได้โดยใช้กลยุทธ์และวิธีที่หลากหลาย ซึ่งพอจะสรุปได้ในสามประเด็นหลักเพื่อเพิ่มแนวโน้มการที่ผู้ใช้จะคลิกเข้าสู่เนื้อหาที่เรานำเสนอ ดังนี้
- หัวข้อโฆษณา: การเขียนหัวข้อที่มีความน่าสนใจและดึงดูด
- รูปภาพโฆษณา: การใช้รูปภาพที่สะดุดตาพร้อมสีสันและเนื้อหาที่ชัดเจน
- จุดเรียกความสนใจ (Call To Action – CTA): การสร้าง CTA ที่ชัดเจนมีความจูงใจให้คลิก
ด้านล่างนี้เป็นตารางที่แสดงตัวอย่างของประเด็นหลักๆอย่างละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรคำนึงเพิ่ม CTR ใน Facebook:
ประเด็นหลัก | ตัวอย่าง | คำแนะนำ |
---|---|---|
หัวข้อโฆษณา | “เปิดเผยวิธีกระตุ้นผิวให้เปล่งปลั่งภายใน 7 วัน” | ใช้คำที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและให้สัญญาว่ามีผลลัพธ์ที่ตามมา |
รูปภาพโฆษณา | รูปภาพก่อนและหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว | ใช้ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเพื่อสร้างความสนใจ |
CTA | “คลิกที่นี่เพื่อสั่งซื้อทันที!” | สร้างความกระตือรือร้นและสื่อสารประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ |
สามารถปรับใช้ประเด็นเหล่านี้เพื่อช่วยเสริมกลยุทธ์โฆษณาของคุณ อีกทั้งยังทดสอบหาวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการดึงดูดสายตาและคลิกจากผู้ใช้ Facebook
วิเคราะห์ผลลัพธ์จาก CTR ใน Facebook Ads
การวิเคราะห์ผลลัพธ์จาก CTR (Click-Through Rate) เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้นักการตลาดดิจิทัลใน Facebook สามารถประเมินประสิทธิผลของแคมเปญโฆษณาได้อย่างครบถ้วน จากข้อมูลที่จับต้องได้และตัวเลขจริงที่สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งาน โดยมีสองเมตริกหลักที่ต้องเข้าใจคือ CTR (All) และ Outbound CTR ซึ่งมีอิทธิพลโดยตรงต่อการวิเคราะห์ผลลัพธ์และการตัดสินใจวิธีการปรับปรุงโฆษณา
CTR (All) และความหมายของมัน
CTR (All) หมายถึงอัตราการคลิกที่รวมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการไลด์ภาพ, คลิกเพื่อดูเพิ่มเติม, แสดงความคิดเห็น, หรือแม้กระทั่งการแชร์ การวัดผลด้วย CTR (All) จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการมีส่วนร่วมและการตอบสนองของผู้ใช้ต่อโฆษณาอย่างละเอียด
Outbound CTR และสิ่งที่ควรรู้
ต่างจาก CTR (All), Outbound CTR เป็นเมตริกสำคัญในการวัดอัตราการคลิกที่นำผู้ใช้งานออกจาก Facebook ไปยังเว็บภายนอก เช่น ไปยังเว็บไซต์หลักหรือไลน์ การวิเคราะห์ Outbound CTR ที่มีค่าสูงหมายความว่าโฆษณามีประสิทธิภาพในการนำพาผู้ใช้งานไปยังเป้าหมายสุดท้าย
เมตริก | วิเคราะห์ผลลัพธ์ | ข้อคิดเห็น |
---|---|---|
CTR (All) | ดีเมื่อมีค่ามากกว่า 7% | เป็นมาตรวัดการมีส่วนร่วมรวมที่สามารถช่วยวิเคราะห์ต่อประสิทธิภาพโดยรวม |
Outbound CTR | ต้องมีค่าที่สูงเพื่อการ Conversion ที่ดี | เป็นตัววัดการคลิกที่นำไปสู่เป้าหมายนอก Facebook ซึ่งมีความจำเป็นต่อการตัดสินใจ |
คำแนะนำในการปรับแต่งโฆษณาให้ได้ CTR ที่สูง
เพื่อให้การโฆษณาบน Facebook ของคุณประสบความสำเร็จและ ได้ CTR สูง การปรับแต่งและทดลองเลือกใช้สิ่งที่ตอบสนองประเด็นสำคัญต่อผู้ใช้งานนั้นเป็นสิ่งจำเป็น การทำเช่นนี้ไม่เพียงกระตุ้นให้เกิดการคลิกเข้าไปในโฆษณาของคุณมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงคุณภาพและการจัดการที่ด้านการตลาดที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
ประเด็นสำคัญต่อ CTR ที่ควรให้ความสนใจ
หากต้องการ ปรับแต่งโฆษณา เพื่อ เพิ่ม CTR ให้ได้ผลสูงสุด คุณควรพิจารณาต่อประเด็นสำคัญด้านล่างนี้:
- หัวข้อโฆษณาควรน่าดึงดูดและมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา
- รูปภาพที่ใช้ควรชัดเจนและมีสีสันที่โดดเด่น
- ข้อความ CTA ควรจูงใจและมีความชัดเจนในการกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการ
การตระหนักถึงผลกระทบจากส่วนประกอบเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์โดยรวมของโฆษณาและสามารถช่วยให้โฆษณาของคุณเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
การทดสอบ A/B เพื่อเพิ่ม CTR
วิธีที่ได้ผลดีในการหา ประเด็นสำคัญ ที่ส่งผลต่อ CTR คือการดำเนินการทดสอบ A/B โดยการสร้างโฆษณาที่มีความต่างกันในประเด็นเช่น กราฟฟิก เนื้อหาหัวข้อ หรือ CTA แล้วปล่อยให้ทั้งสองรูปแบบของโฆษณาทำงานพร้อม ๆ กันเพื่อดูว่ารูปแบบใดที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
- ระยะเวลาของการทดสอบควรกำหนดให้เพียงพอเพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
- ปรับเปลี่ยนเพียงประเด็นเดียวในแต่ละครั้งเพื่อให้วิเคราะห์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ
- การทดสอบควรดำเนินการหลายครั้งกับกลุ่มตัวอย่างที่หลากหลายเพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า
ด้วยการทดสอบ A/B และการปรับปรุงที่รอบคอบ คุณสามารถโน้มน้าวให้ผู้ใช้มีการ คลิกผ่านโฆษณา ได้ที่อัตราที่สูงขึ้น และท้ายที่สุดก็หมายความว่าประสบผลสำเร็จในการตลาดดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น
ฟีเจอร์และเครื่องมือบน Facebook ที่ช่วยปรับปรุง CTR
Facebook มอบ ฟีเจอร์บน Facebook และ เครื่องมือปรับปรุง CTR ที่มีความสามารถในการเพิ่มประสิทธิผลให้กับแคมเปญโฆษณาของเราอย่างล้ำลึก กรณีศึกษาหนึ่งที่เป็นตัวอย่างได้แก่การใช้งาน Facebook Ads Manager ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยวางแผน ตรวจสอบ และปรับแต่งโฆษณาในหลากหลายรูปแบบให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้
การใช้ Facebook Ads Manager ให้เป็นประโยชน์จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึกทั้งในด้านฟีเจอร์ที่มีให้ รวมไปถึงการปรับใช้เครื่องมือต่างๆที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่ม CTR และเป้าหมายสูงสุดก็คือผลลัพธ์ทางการขายและการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้น
ฟีเจอร์ | คำอธิบาย | ผลประโยชน์ต่อ CTR |
---|---|---|
การเป้าหมายแบบละเอียด | การส่งโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่คัดสรรแล้ว | เพิ่มความเกี่ยวข้องของโฆษณา ซึ่งนำไปสู่การคลิกที่มีคุณภาพ |
A/B Testing | ทดลองแสดงโฆษณาหลายรูปแบบเพื่อหาแบบที่ดีที่สุด | ทำความเข้าใจสิ่งที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายมีการตอบสนอง |
การตั้งค่า Placements | กำหนดตำแหน่งที่โฆษณาจะปรากฏ | ปรับให้โฆษณาปรากฏในจุดที่มีโอกาสได้รับความสนใจสูงสุด |
นอกจากนี้ การใช้งาน Analytics ที่ให้มากับเครื่องมือนี้ยังอาจช่วยให้นักการตลาดได้ค้นพบโอกาสใหม่ๆ เพื่อปรับปรุง CTR รวมทั้งการเจาะลึกลงไปยังข้อมูลเชิงสถิติที่ได้รับจากการทดลองและปรับใช้โฆษณาในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
หนึ่งในความล้ำค่าของเครื่องมือนี้คือการที่ให้ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและอัตราการตอบสนองของผู้ใช้ในแง่มุมต่างๆ เพื่อช่วยให้การโฆษณาของคุณได้รับการคลิกมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สุดของการใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้คือการสร้างโฆษณาที่มีความสามารถสูงสุดในการเรียกความสนใจ สิ่งที่จำเป็นก็คือการทดสอบ การเรียนรู้และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในท้ายที่สุดจะนำพามาซึ่งผลลัพธ์ที่เกินคาดเพื่อธุรกิจของคุณบน Facebook
วิธีตรวจสอบ CTR ใน Facebook Ads Manager
การวิเคราะห์และเข้าใจถึง CTR ใน Facebook Ads Manager เป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถประเมินและกำหนดกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลได้อย่างมืออาชีพ ด้วยคุณภาพและการเข้าถึงผู้ใช้งานที่เหมาะสม การตรวจสอบ CTR ที่แม่นยำจะช่วยให้มั่นใจว่าคุณได้ทำการตลาดด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
ในการเริ่มต้น ตรวจสอบ CTR บน Facebook Ads Manager ผู้ใช้จะต้องทำดังนี้:
- เข้าสู่ระบบใน Facebook Ads Manager
- เลือกแคมเปญโฆษณาที่ต้องการวิเคราะห์ผลลัพธ์
- นำทางไปยังตัวเลือก ‘รายงาน’ (Reports) เพื่อดูข้อมูลสถิติ
- ค้นหาหัวข้อ CTR ภายในรายงานและเปรียบเทียบกับข้อมูลจากเวลาที่ผ่านมา
- วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้และทำการทดลองเพื่อพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์
ภายใน Dashboard ของ Facebook Ads Manager คุณจะมีเครื่องมือมากมายที่ช่วย ตรวจสอบ CTR อย่างละเอียดและผลลัพธ์จากการโฆษณาในแต่ละแคมเปญ ตัวอย่างข้อมูลที่คุณอาจพบในรายงานประกอบด้วยจำนวนการคลิกโฆษณา, การเห็น (Impressions), ต้นทุนต่อคลิก (CPC), และอื่นๆ ที่ช่วยในการวัดผลและกำหนดทิศทางการตลาดต่อไป
ด้านล่างนี้คือตารางตัวอย่างที่สามารถช่วยให้คุณทำการ วิเคราะห์ และ ตรวจสอบ CTR ได้:
วันที่ | Impressions | Clicks | CTR (%) | CPC (บาท) |
---|---|---|---|---|
1 มี.ค. – 7 มี.ค. | 50,000 | 5,000 | 10 | 1.20 |
8 มี.ค. – 14 มี.ค. | 75,000 | 7,500 | 10 | 1.15 |
15 มี.ค. – 21 มี.ค. | 80,000 | 8,000 | 10 | 1.10 |
จากตารางข้างต้น เราสามารถเห็นการวิเคราะห์ย้อนหลังเพื่อดูว่ามีอะไรที่ส่งผลต่อ CTR ได้บ้าง และอาจมุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนตัวแปรต่างๆ เช่น การใช้ภาพโฆษณาใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงข้อความโฆษณา เพื่อบรรลุผล CTR ที่ต้องการ
ที่มาของคำว่า CTR ใน Facebook และวิวัฒนาการ
CTR ใน Facebook หรือ Click-Through Rate คือ หนึ่งในกลยุทธ์การวัดประสิทธิภาพของโฆษณาดิจิทัลที่โดดเด่น ซึ่งมีที่มาของ CTR จากหลักการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เผยแพร่เนื้อหากับผู้บริโภค และได้วิวัฒนาการ CTR เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการวิเคราะห์
โดยได้รับการพัฒนามาเป็นเครื่องมือให้ผู้โฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น และมุ่งเน้นการดึงดูดและกระตุ้นผู้ใช้ให้มีส่วนร่วมกับคอนเทนต์โฆษณาโดยการคลิกเข้าชม ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มจำนวนเข้าชมหน้า Landing Page ได้แล้ว ยังส่งผลดีต่อการแปลงความสนใจเป็นการซื้อขายอีกด้วย
สรุป
สำหรับนักการตลาดที่ใช้ Facebook เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกับผู้บริโภค การเข้าใจและการใช้งาน CTR หรือ Click-Through Rate นั้นเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ CTR เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสนใจและปฏิกิริยาตอบกลับจากโฆษณาที่เราได้นำเสนอ ยิ่ง CTR มีค่าสูง ก็ยิ่งมีโอกาสที่โฆษณาของเราจะพาผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์หรือหน้า Landing Page ตามที่เราต้องการได้มากเท่านั้น
เมื่อเราประเมินผลลัพธ์จาก CTR อย่างรอบคอบ และทำการทดลองปรับเปลี่ยนส่วนประกอบของโฆษณาอย่างหัวข้อโฆษณา รูปภาพ เนื้อหา และการเรียกกระทำการ (CTA) ที่จูงใจมากขึ้น นักการตลาดก็จะเพิ่มโอกาสในการได้รับการกระทำที่ต้องการจากโฆษณา
โดยรวมแล้ว สรุป CTR Facebook ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าชมเว็บไซต์และยอดขายเท่านั้น แต่ยังช่วยยืนยันคุณภาพของโฆษณาและคอนเทนต์ที่เรานำเสนอ ทำให้ธุรกิจและแบรนด์มีการพัฒนาและก้าวหน้าในด้านการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ